ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Blog ของคนเพื่อชีวิต
Get your own Chat Box! Go Large!
พงษ์สิทธิ์ คําภีร์ (ปู พงษ์สิทธิ์)
ประวัติ
พงษ์สิทธิ์ คำภีร์
พงษ์สิทธิ์
คำภีร์ พงษ์สิทธิ์เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 ที่ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย มีชื่อเล่นว่า “ปู” โดยมีพ่อเป็นผู้ช่วยแพทย์ในโรงพยาบาล ที่อยู่ใกล้บ้าน
พงษ์สิทธิ์เรียนหนังสือจบจากภาคอีสานที่บ้าน ก็เดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร
ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นนักดนตรี โดยมีนักดนตรีที่นับถือและชื่นชอบใน 2 คน คือ หงา คาราวาน (สุรชัย จันทิมาธร) และ เล็ก
คาราบาว (ปรีชา ชนะภัย) ในระยะแรกได้ร่วมงานกับคาราวานโดยเป็นนักดนตรีในวง
จนในที่สุดก็ได้ออกอัลบั้มชุดแรกในปี พ.ศ. 2530 ชื่อชุด “ถึงเพื่อน” กับบริษัทบัฟฟาโล เฮด
ที่มีสมาชิกของวงดนตรีคาราบาว เป็นผู้ดูแล
งานชุดนี้ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก แต่ก็มีเพลงฮิตอย่าง ถึงเพื่อน… ที่ถูกเปิดให้ได้ยินกันบ่อย ๆ ในยุคนั้น
สุรชัย จันทิมาธร (หงา คาราวาน)
ปี พศ.
2508 เด็กหนุ่มจากจังหวัดสุรินทร์
ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ
เพื่อเข้ามาหาความหมายของชีวิตและความใฝ่ฝันที่จะเรียนทางด้านศิลปะ ด้วยเงิน 300 บาทที่ทางบ้านได้ส่งให้
ชีวิตของคนไม่ได้เรียบง่าย สองปีแรกสุรชัย
สอบเข้าช่างศิลป์ไม่ได้เหมือนที่ฝัน จึงเรียนการช่างนนท์อยู่ 1 ปี
ด้วยชีวิตที่ดิ้นรนในเมืองหลวงจึงทำให้เงิน 300 บาทที่พ่อส่งมาให้ไม่เพียงพอ
หลังจากที่เข้าเรียนช่างศิลป์ได้สองปี ก็ต้องออก เพราะความลำบากในด้านการเงิน สุรชัยจึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อ
นับแต่นั้นชีวิตของเด็กหนุ่มก็ออกมาผจญชีวิตด้วยตัวเอง
" เพลงเก่าๆ
จะมีคนขอฟังอยู่มากถึง 80
% เพลงใหม่แต่งไปเท่าไรมีคนสนใจน้อย รู้สึกเซ็งๆ นิดหน่อย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนฟัง มีคนซื้อเทป แต่ไม่มากอะไร จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าอะไร
เพราะโดยตัวเองแล้วคิดว่า จะทำเพลงไปเรื่อยๆ ไม่ยึดติดกับเพลงเก่าๆ ทนไม่ไหวเหมือน
กัน อยากทำเพลงใหม่ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการต้อนรับอะไรมากก็ไม่เป็นไร
อนาคตก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยได้คิดหรอกอยู่มาจนธรรมดาแล้ว ก็หวังว่าจะดีขึ้นกว่านี้ในเรื่องชีวิตส่วนตัวและการงาน ถ้าถามว่าตอนนี้รวยหรือเปล่า ไม่รวย นะเมื่อเทียบกับที่เขารวยๆกันมันคนละเรื่องที่พูดกันเพราะเปรียบเทียบสมัย ก่อน ตอนนั้นไม่ได้ยึดเงินตรา ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้ยึดถือแต่ต้องทำงาน เพราะไม่มีใครมาเลี้ยงเรา ต้องเลี้ยงตัวเอง ยังหวังว่าสังคมจะดีขึ้น หวังว่าจะมีหนทางใหม่ๆช่วยเหลือสังคมได้ "
อนาคตก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยได้คิดหรอกอยู่มาจนธรรมดาแล้ว ก็หวังว่าจะดีขึ้นกว่านี้ในเรื่องชีวิตส่วนตัวและการงาน ถ้าถามว่าตอนนี้รวยหรือเปล่า ไม่รวย นะเมื่อเทียบกับที่เขารวยๆกันมันคนละเรื่องที่พูดกันเพราะเปรียบเทียบสมัย ก่อน ตอนนั้นไม่ได้ยึดเงินตรา ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้ยึดถือแต่ต้องทำงาน เพราะไม่มีใครมาเลี้ยงเรา ต้องเลี้ยงตัวเอง ยังหวังว่าสังคมจะดีขึ้น หวังว่าจะมีหนทางใหม่ๆช่วยเหลือสังคมได้ "